การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของครูการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ผู้วิจัย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบางสะพาน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดย
นางสาวณัฐภัสสร แดงมณี, นางสาวมุทิตา นันทจินดา, นางภารณี ก้านเหลือง, นางสาวดนุลดา แสนคำ
ที่ปรึกษา ดร.วิมล ชาญชนบท, ดร. ปรีชา
จันทรมณี ,นายเรืองฤทธิ์ ชมพูผุดผ่อง, นางโกศล หลักเมือง,นางศรีสง่า โภคสมบัติ
ปีที่ศึกษา 2557
ในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของครูการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบางสะพาน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีวัตถุประสงค์ในการศึกษา
เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของครูการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบางสะพาน
2) พัฒนารูปแบบการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของครูการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบางสะพาน
และ 3) ประเมินยืนยันรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของครูการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบางสะพาน
ขั้นตอนการวิจัยจะแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1
การศึกษาสภาพการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของครูการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบางสะพาน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประชากรได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษาศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบางสะพานและตัวแทนชุมชนในอำเภอบางสะพาน
รวมทั้งสิ้น 596 คน ผู้วิจัยกำหนดขนาดโดยใช้ตารางสำเร็จรูปของเครซี่
และมอร์แกน ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่างจำนวน 258
คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย ค่าความถี่
ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน จากนั้นได้สังเคราะห์เอกสาร ตำราและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนที่ 2
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยการกำหนดขอบข่ายเนื้อหาและนำผลการวิเคราะห์ในขั้นตอนที่
1 มาเป็นข้อมูลพื้นฐานและดำเนินการสนทนากลุ่ม (Focus Group) ผู้ให้ข้อมูลได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา
ครูการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยและคณะกรรมการสถานศึกษา รวม 17 คน
เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบบันทึกการสนทนากลุ่ม สถิติที่ใช้เป็นสถิติเชิงพรรณา
ถอดความออกมาเป็นรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของครูการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบางสะพาน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และขั้นตอนที่ 3
การประเมินยืนยันรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
เป็นการตรวจสอบยืนยันรูปแบบโดยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 คนซึ่งมีคุณสมบัติตามที่ผู้วิจัยได้กำหนด
เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบประเมินโครงร่างรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วย
ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. สภาพการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของครูการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบางสะพาน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ผลการศึกษาแยกรายละเอียดได้ดังนี้
1.1 สภาพการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของครูการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบางสะพาน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับน้อย
โดย ด้านการจัดการเรียนการสอนมีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือ
ด้านการนิเทศการสอน ด้านการใช้สื่อการเรียนการสอน
ส่วนด้านการวัดผลและประเมินผลมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด
1.2 แนวทางการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของครูการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบางสะพาน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ด้านการจัดการเรียนการสอน
ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าครูผู้สอนควรได้รับการพัฒนาให้มีความสามารถในการจัดการเรียนการสอน
ด้านการใช้สื่อการเรียนการสอน
ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าครูควรนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอน ด้านการนิเทศการสอน
ส่วนใหญ่มีความเห็นว่านำผลการนิเทศมาปรับปรุงแก้ไขการจัดการเรียนการสอน และด้านการวัดผลและประเมินผล
ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูทำวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน
2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของครูการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบางสะพาน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รูปแบบการสอนที่ชื่อว่า
TUSE Model ซึ่งมี 4
องค์ประกอบ ได้แก่ การจัดการเรียนการสอน (Teaching and Learning)
การใช้สื่อการเรียนการสอน (Use of Teaching Media) การนิเทศการสอน (Supervision) และการวัดผลและประเมินผล (Evaluation)
3. ผลการประเมินยืนยันรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของ
ครูการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบว่า ผู้ทรงคุณวุฒิมีความเห็นว่ารูปแบบมีความเหมาะสมโดยรวมอยู่ในระดับมาก
โดย ด้านความเหมาะสมมีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ
ด้านความเป็นประโยชน์ ด้านความเป็นไปได้ และด้านความถูกต้อง อยู่ในระดับมากเท่ากัน
ตามลำดับ
แสดงว่าสามารถนำรูปแบบที่พัฒนาขึ้นไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญได้อย่างเหมาะสม
ความคิดเห็น