รายงานการประเมินโครงการเปิดโลกการเรียนรู้ให้ผู้สูงอายุในสังคมพหุวัฒนธรรม
ผู้ประเมิน สถาบัน กศน.ภาคใต้
ปีที่ประเมิน
2558
การประเมินโครงการเปิดโลกการเรียนรู้ให้ผู้สูงอายุในสังคมพหุวัฒนธรรมมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ประเมินผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการเปิดโลกการเรียนรู้ให้ผู้สูงอายุในสังคมพหุวัฒนธรรม
2) ประเมินการดำเนินโครงการเปิดโลกการเรียนรู้ให้ผู้สูงอายุในสังคมพหุวัฒนธรรมด้านบริบท
ปัจจัยนำเข้า กระบวนการและผลผลิตโดยการผสมผสานรูปแบบการประเมินตามวัตถุประสงค์ของไทเลอร์
(Tyler’s
Model of Evaluation) และรูปแบบการประเมินเชิงระบบ Context-Input-Process-Product-Impact
: CIPPI Model ประชากร ได้แก่
ผู้บริหารสถานศึกษาครูผู้รับผิดชอบโครงการ ผู้สูงอายุ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมจำนวน
6,850 คน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาครูผู้รับผิดชอบโครงการ
ผู้สูงอายุ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมจำนวน 550 คน ผู้วิจัยกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางประมาณขนาดตัวอย่างของเครจซี่และมอร์แกน
แล้วทำการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามจำนวน 2 ฉบับ
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการเปิดโลกการเรียนรู้ให้ผู้สูงอายุในสังคมพหุวัฒนธรรม
พบว่า ผู้สูงอายุสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการจัดกระบวนการเรียนรู้
นำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข คิดเป็นร้อยละ 86.56 บรรลุตามวัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
2. ผลการประเมินโครงการด้านบริบทของโครงการเปิดโลกการเรียนรู้ให้ผู้สูงอายุในสังคมพหุวัฒนธรรม
พบว่า วัตถุประสงค์ของโครงการสอดคล้องกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ปีงบประมาณ 2558 นโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้และยุทธศาสตร์และจุดเน้นการดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
ปีงบประมาณ 2558
3. ระดับความเหมาะสมของปัจจัยนำเข้าของโครงการเปิดโลกการเรียนรู้ให้ผู้สูงอายุในสังคมพหุวัฒนธรรม
โดยภาพรวม พบว่า อยู่ในระดับมาก
4.
ระดับความเหมาะสมของกระบวนการของโครงการเปิดโลกการเรียนรู้ให้ผู้สูงอายุในสังคมพหุวัฒนธรรม
โดยภาพรวม พบว่า อยู่ในระดับมาก
5. ระดับคุณภาพของผลผลิตของโครงการเปิดโลกการเรียนรู้ให้ผู้สูงอายุในสังคมพหุวัฒนธรรมโดยภาพรวม
พบว่า อยู่ในระดับมาก และ ผู้สูงอายุมีความพึงพอใจของของโครงการเปิดโลกการเรียนรู้ให้ผู้สูงอายุในสังคมพหุวัฒนธรรม
โดยภาพรวม พบว่า อยู่ในระดับมาก
6. ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษาและครูที่รับผิดชอบโครงการส่วนใหญ่
พบว่า 1)
ควรจัดสรรงบประมาณโครงการผู้สูงอายุอย่างน้อย
50% ของจำนวนผู้สูงอายุ
ส่วนที่เหลือค่อยหมุนเวียนในปีถัดไปเนื่องจากกลุ่มเป้าหมายมีมากกว่าที่สำนักงาน
กศน.จังหวัดจัดสรรให้ และจัดสรรงบประมาณในคราวเดียวกันเพราะการจัดกิจกรรมจะได้ไม่ซ้ำซ้อน
2) ควรมีกิจกรรมโครงการนี้ต่อไปเพราะผู้สูงอายุจะได้มีเพื่อนและไม่เสี่ยงกับโรคซึมเศร้า
3) ควรเน้นกิจกรรมทักษะชีวิต/กิจกรรมนันทนาการที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ 4) ควรจัดกลุ่มอาชีพให้กับผู้สูงอายุตามศักยภาพและเหมาะสม
5) ควรเพิ่มงบประมาณและจัดสรรงบประมาณให้ กศน. อำเภอดำเนินการเอง (ในกิจกรรมศึกษาดูงาน) 6) ควรส่งเสริมกิจกรรมการกีฬาสำหรับผู้สูงอายุ
7)ควรจัดเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุที่ชรามากๆ หรือผู้สูงอายุที่พิการ ไม่สามารถออกมารับบริการได้
8)กิจกรรมเวทีปรองดอง สมานฉันท์ น่าจะเปลี่ยนหัวเรื่องเป็นอย่างอื่นที่เหมาะสม
สอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ บริบทของพื้นที่ และ 9) ควรมีการติดต่อประสานงานการจัดกิจกรรมล่วงหน้าเพื่อสะดวกในการประสานงาน
7. ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้สูงอายุส่วนใหญ่
พบว่า 1) อาหารและที่พักต้องจัดให้เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุทั้งของไทยพุทธและมุสลิมมากที่สุด 2) ควรมีการตรวจสุขภาพก่อนเดินทาง(กรณีมีโรคประจำตัว)
และขอให้มีผู้ติดตาม(ญาติผู้สูงอายุ) จำนวน 1 คน และ 3) การไปทัศนศึกษา ควรมียาสามัญประจำรถ/โครงการฯ
ในการดูแลผู้สูงอายุ (คัดเลือกผู้ดูแลผู้สูงอายุเป็นกรณีพิเศษ) ตามลำดับ
ความคิดเห็น